โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนไป ทักษะใดที่คุณควรต้องมีเพื่อให้ถูกว่าจ้าง
โลกของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โลกาภิวัตน์ ระบบอัตโนมัติ และความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี กำลังมอบโอกาสให้แก่แรงงานในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายที่ต่างไปจากเดิมสำหรับนายจ้างทั่วโลก ภายใต้สถานการณ์ที่เรากำลังก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
ขณะที่เหล่าผู้นำธุรกิจกำลังควบคุมกิจการเพื่อปรับตัวรับกระแสการเปลี่ยนแปลง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่า เราเพิ่งกำลังอยู่ในช่วงต้นของการไขว่คว้าความเป็นไปได้ที่ความล้ำหน้าต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลกำลังจัดระเบียบการทำงานยุคใหม่
ทักษะอันเป็นที่ต้องการของบริษัทระดับโลกอาจถูกแบ่งตามบริบทได้สองส่วน คือ ทักษะด้านอารมณ์และทักษะด้านความรู้ ซึ่งแม้ทักษะเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญในยุคปัจจุบันที่ผู้เรียนต้องไขว่คว้าเพื่อเพิ่มโอกาสการถูกว่าจ้าง และท้ายสุดเพื่อเตรียมกรอบการทำงานอันนำไปสู่เส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จ
ทักษะด้านอารมณ์และทักษะด้านความรู้คืออะไร?
ทักษะด้านอารมณ์หรือทักษะทางสังคม (soft skills) จัดเป็นทักษะระหว่างบุคคลหรือลักษณะอุปนิสัยที่สำคัญ ที่ช่วยให้เรามีความสามารถในการจัดการงานจนสำเร็จได้ในระดับสูง อาทิ ทักษะความเป็นผู้นำ การร่วมมือ การคิดเชิงวิพากษ์ และการแก้ไขปัญหา ส่วนทักษะด้านความรู้ (hard skills) เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้ทางเทคนิค เช่น ทักษะการนำเสนองาน ทักษะการบริหารโครงการ หรือเรื่องการอ่านและเขียน
คุณสจ๊วต คอนเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุณวุฒิและการประเมินของ Pearson Asia กล่าวว่า ทักษะเด่นอันเป็นที่ต้องการมีอยู่หกด้านด้วยกัน ซึ่งบรรดานายจ้างระดับโลกต่างมองหาทักษะเหล่านี้อย่างเข้มข้นเมื่อมีการเปิดรับพนักงานใหม่ โดยประกอบด้วย:
- ความเข้าใจด้านดิจิทัล - ความสามารถในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีที่มี
- ทักษะการขาย - ความสามารถในการสร้างสัมพันธ์และจูงใจผู้อื่น
- การวิเคราะห์ข้อมูล - ความสามารถในการตีความข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างเหมาะสม
- การสื่อสาร - ความสามารถในการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างวัฒนธรรม พื้นที่ และภาษา
- การเรียนรู้อย่างว่องไว - ความสามารถในการเรียนรู้ ไม่ยึดติดกับความรู้เดิม เรียนรู้ด้วยมุมมองใหม่ และสามารถประยุกต์การเรียนรู้ได้จริง
- นวัตกรรม - ความสามารถในการรู้แจ้งและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง
คุณสจ๊วตมองว่า ปัญญาประดิษฐ์จะสร้างผลกระทบเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อวาระแรงงานระดับโลก ดังนั้นการก้าวนำไปข้างหน้าก่อนใครจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้เรียนในปัจจุบัน
"แรงงานที่ใช้เทคโนโลยีได้ดีจะมีความได้เปรียบ และมีข้อมูลบ่งชี้ว่า บริษัทต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ จะมีผลิตภาพสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ เพราะสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงในสาขาของตน ซึ่งความสามารถในการใช้เทคโนโลยีถือเป็นกุญแจสำคัญ ดังนั้นนายจ้างจึงต้องการว่าจ้างบุคคลที่มีทักษะดังกล่าว"
ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางการสื่อสารระดับโลกจริงหรือไม่?
คุณไซมอน ยัง ผู้จัดการฝ่ายดูแล BTEC ในเอเชียของ Pearson ระบุว่า ในยุคปัจจุบันที่ห่วงโซ่อุปทานและฐานลูกค้ามีความเป็นสากลระดับโลกอย่างแท้จริง บริษัทข้ามชาติต่างมองว่าความชำนาญภาษาอังกฤษถือเป็นทักษะสำคัญ
"ดูเหมือนว่าภาษาอังกฤษได้กลายเป็นทักษะสำคัญสำหรับการสื่อสารธุรกิจในทุกบทบาทหน้าที่ ดังนั้นในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศไทย ซึ่งมีแรงงานในพื้นที่อันเข้มแข็ง การปฏิสัมพันธ์ระหว่างแผนกต่างๆ ล้วนจำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมาก กล่าวได้ว่าภาษาอังกฤษได้กลายเป็นสื่อกลางการสื่อสารระดับโลก"
นอกจากทักษะต่างๆ ที่ธุรกิจทั่วโลกต้องการ หน่วยงานภาครัฐทั้งในไทยและเวียดนามต่างเร่งออกนโยบายจำนวนมากตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาความชำนาญภาษาอังกฤษให้แรงงานรุ่นใหม่
เพราะความสามารถเหล่านี้ช่วยดึงดูดการลงทุนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น การบังคับใช้นโยบายต่างๆ ดังกล่าว สื่อได้ว่าทั้งรัฐบาลไทยและเวียดนามต่างเล็งเห็นคุณค่าของการเรียนภาษา ว่าเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จทางวิชาชีพ เช่นเดียวกับมุมมองของนายจ้างระดับโลก
คุณสจ๊วตกล่าวว่า ทักษะภาษาอังกฤษช่วยเสริมความสามารถของทักษะด้านอารมณ์ที่นายจ้างต้องการในหลายทาง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความสามารถส่วนบุคคลและทางสังคม เช่น การร่วมมือ การสร้างเครือข่าย และการเข้าใจผู้อื่น
ขณะที่ลูกจ้างมองว่าความชำนาญภาษาอังกฤษมีส่วนสำคัญในความก้าวหน้าทางอาชีพ แต่คุณสจ๊วตกล่าวว่า แรงงานคลื่นลูกใหม่ยังมีภารกิจที่ต้องจัดการและยังมีคุณประโยชน์รออยู่ภายหน้าอีกมาก ในเรื่องที่เกี่ยวกับการฟูมฟักทักษะภาษาอังกฤษของตน
"จากการสำรวจของ Pearson เมื่อปี 2015 ซึ่งสอบถามลูกจ้างข้ามชาติกว่า 26,000 คน พบว่า กว่า 92 เปอร์เซ็นต์ เล็งเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษที่มีต่อความก้าวหน้าทางอาชีพ แต่มีเพียง 7% เท่านั้นที่มั่นใจว่าตนเองสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นช่องว่างที่กว้างมาก
"แต่หนึ่งในคุณประโยชน์หลักของการมีความชำนาญภาษาที่สองก็คือ การช่วยขัดเกลาทักษะด้านอารมณ์ในหลายส่วน" ทักษะภาษาเพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้คุณได้งาน แต่คุณจะมีโอกาสถูกว่าจ้างมากยิ่งขึ้นหากมีทักษะภาษา เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยในการพัฒนาทักษะอื่นๆ อีกหลายด้าน อันจำเป็นต่อการจ้างงาน เมื่อนายจ้างคำนึงถึงช่องว่างของทักษะด้านอารมณ์ เช่น การสื่อสารและการร่วมมือ ความรู้ทางภาษาเพิ่มเติมจะมีประโยชน์อย่างมาก
"หากคุณเป็นคนเวียดนามหรือคนไทย และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ นั่นหมายถึงคุณก็มีทักษะด้านอารมณ์อีกหลายเรื่องไปโดยปริยาย"
ในโลกยุคระบบอัตโนมัติ ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงมี
คุณเจสัน เกรกอรี ผู้อำนวยการฝ่ายนานาชาติด้าน BTEC และการฝึกหัดวิชาชีพในสหราชอาณาจักรของ Pearson กล่าวว่า การวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ในการจำแนกและให้บริบทข้อมูล กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในหน้าที่การงานหลายด้านซึ่งในอดีตอาจไม่เคยต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลมาก่อน
"ข้อมูลช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันก็มอบข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ ที่ทำให้ทราบว่า เราควรปรับปรุงสินค้าและบริการในเรื่องใด ที่สำคัญการวิเคราะห์ข้อมูลยังเป็นทักษะหลักที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจตามหลักฐานเชิงประจักษ์"
ในขณะที่ความซับซ้อนของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลยังคงเดินหน้าไม่หยุดนิ่ง แต่งานวิจัยหนึ่งระบุว่า เราสามารถหยุดกังวลและคับแค้นเกี่ยวกับเรื่องที่หุ่นยนต์จะเข้ามาควบคุมการทำงานและแทนที่การวิเคราะห์โดยมนุษย์ เพราะมีแรงงานเพียงหนึ่งในห้าเท่านั้นที่อยู่ในสายอาชีพซึ่งจะถูกแทนที่
โดยรากฐานแล้ว ขณะที่เทคโนโลยีเดินหน้ารอบตัวเราและช่วยจัดการกระบวนการแบบเดิมโดยอัตโนมัติ พนักงานก็ยังคงต้องเข้าใจความหมายที่สื่อผ่านข้อมูล เพื่อจะได้ปรับและสั่งให้ระบบทำซ้ำได้อย่างเหมาะสม คุณไซมอนมองว่า นายจ้างระดับโลกให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณค่าของทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล
"ในโลกยุคระบบอัตโนมัติซึ่งผู้ผลิตและโรงงานจำนวนมากต่างมุ่งสู่การวิเคราะห์และคำนวณข้อมูล สิ่งดังกล่าวกลายเป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้เรียนและเป็นที่ต้องการของบริษัทระดับโลกหลายแห่ง"
"เหตุผลก็คือ แม้คุณไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการในการสายการผลิตอีกต่อไป แต่ก็ต้องเปลี่ยนไปควบคุมเครื่องจักรและแขนกล ตลอดจนระบบอัตโนมัติอื่นๆ อีกจำนวนมาก ดังนั้นการวิเคราะห์จุดข้อมูลและเทคโนโลยีต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณต้องเข้าใจว่าข้อมูลดังกล่าวสื่อถึงสิ่งใด และต้องสามารถปฏิบัติการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม"
ทักษะด้านอารมณ์มีอยู่แต่กำเนิด เพียงแค่ผู้เรียนต้องไขว่คว้าไว้
สิ่งที่คุณสจ๊วตต้องการสื่อถึงผู้เรียนไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่อย่าคิดให้มากเกินไป เพราะมนุษย์อย่างพวกเราเคยสื่อสารกันมาตลอดชีวิตและยังคงดำเนินต่อเนื่องไป ดังนั้นสำหรับเรื่องการใช้ทักษะด้านอารมณ์ในเชิงวิชาชีพ ผู้เรียนก็เพียงแค่ทบทวนพื้นฐานการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
"ทักษะด้านอารมณ์หลายเรื่องเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์อยู่แล้ว พวกเราเป็นสัตว์สังคมโดยธรรมชาติที่ต้องการสื่อสารระหว่างกัน ดังนั้นเราจึงมีแนวโน้มตามธรรมชาติที่จะสร้างความสัมพันธ์และทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราปฏิบัติและเคยทำมาตลอด"
"ไม่ว่าจะเป็นการออกล่าช้างแมมมอธหรือมองหาวิธีเปิดตัวสินค้าใหม่ การสื่อสารและการแก้ไขปัญหาคือสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่เสมอ ดังนั้นขอเพียงแค่ผู้เรียนตระหนักถึงทักษะต่างๆ ดังกล่าว และพยายามไขว่คว้าโอกาสเพิ่มเติมเพื่อฝึกปฏิบัติในชีวิตจริงก็พอ"
ทักษะทางเทคนิคไม่ยั่งยืน แต่พฤติกรรมเป็นสิ่งถาวร
คุณเจสันแนะนำว่า ผู้เรียนและแรงงานในอนาคตควรให้ความสำคัญและเชื่อในแนวคิดที่ว่า การเรียนรู้ไม่เคยสิ้นสุด เพราะการสมัครใจเรียนรู้ถือเป็นทักษะทรงคุณค่าอีกอย่างหนึ่งอันเป็นที่ต้องการอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้ แต่สามารถเกิดขึ้นในตัวเราได้
"การเรียนรู้ไม่เคยสิ้นสุด คุณต้องปรับปรุงทักษะทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง เพราะอุตสาหกรรมก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันคุณก็ต้องมีทักษะทางพฤติกรรมที่เปรียบได้กับสินทรัพย์ที่รอบด้านสำหรับธุรกิจระดับโลก ดังนั้นจึงแนะนำว่า ผู้เรียนควรมองหาหลักสูตรที่ยึดมาตรฐานสากล เพื่อที่จะได้รับโอกาสและการยอมรับความก้าวหน้าระดับโลก ที่กำลังเปิดรออยู่"
การเปิดรับความเปลี่ยนแปลงและเป็นบุคลากรในทีมงานที่พร้อมปรับตัว ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในธุรกิจยุคใหม่ หากต้องการเพิ่มโอกาสถูกว่าจ้าง คุณต้องมีทัศนคติเชิงบวกและความเป็นมืออาชีพที่เปิดใจให้กว้าง เพื่อพิสูจน์ว่าคุณสามารถยืนหยัดภายใต้สถานการณ์กดดันและบรรลุเป้าหมายได้จนสำเร็จ
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า เมื่อโลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนไปรอบตัวคุณ ทักษะอันเป็นที่ต้องการของนายจ้างก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน นั่นหมายถึงคุณต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ให้ตนเองตลอดเวลา และเพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ ตามที่นายจ้างต้องการ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทุกเวลาและเสริมสร้างโอกาสการว่าจ้างให้ตัวคุณเอง